วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

โรคความดันโลหิตสูง

แพทย์ทางเลือกวิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
แชร์ประสบการณ์ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง 

อนุโมทนาบุญ: คุณใหม่ศศิธร คุณแม่น้องนโม
ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้

จากที่คุณหมอบอกว่าจะเป็นโรคความดันนี้ตลอดชีวิต 
เมื่อมาปรับเปลี่ยนการทานอาหาร ความดันลดลงภายใน 7 เดือน



 ในปี 2552 ปวดหัวมากผิดปกติ เลยรีบไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งกลางดึก หมอเช็คแล้วบอกว่าความดันสูงมากเท่าที่จำได้ประมาณ 180 หลัง จากนั้นความดันลดลงแต่ก็ยังไม่ปกติ ก็เลยเข้าตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลของรัฐ ทั้งทำ MRI ฉีดสีเข้าไตและตรวจอื่น ๆ อีกเยอะแยะมากมาย ใช้ระยะเวลานาน เพราะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ เดือนนั้นนัดตรวจแบบนี้อี 2-3 เดือน นัดตรวจอีกอย่าง ผ่านไปประมาณ 2 ปี จนหมอบอกว่าหมดวิธีที่จะตรวจเช็คแล้ว ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ทั้งสิ้น สรุุปว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงแบบหาสาเหตุไม่ได้ ต้องกินยาตลอดชีวิต 
ช่วงนั้นสับสนกับชีวิตมาก อยากให้เป็นโรคอะไรก็ได้ที่ผ่าตัดมันออกไปได้ แต่นี่เป็นแบบหาสาเหตุไม่ได้เลย ตอนนั้นอายุ 24 เอง กินยาตลอดชีวิตเป็นอะไรที่รับไม่ได้มาก ๆ เบื่อท้อกะชีวิตอยู่พักนึง หลังจากนั้นขอก๊อปปี้ประวัติเพื่อไปขอตรวจซ้ำที่อีกโรงพยาบาลนึง โรงพยาบาลไม่รับ แจ้งว่าการรักษาของโรงพยาบาลก่อนนั้นได้มาตรฐานแล้ว ต่อมาก็พยายามทำใจและกินยาอย่างต่อเนื่อง เคยลองหยุดกินยาที่หมอสั่ง แต่พอ 1 สัปดาห์ก็เริ่มปวดหัว อดทนจน 2 สัปดาห์

 ไม่ไหวจึงต้องกลับมากินยาอีก ก็กินยาทุกวันมาเรื่อย ๆ ต่อมาได้ไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกในชีวิต 5 วันในช่วงปีใหม่ปี 2557 หลังจากนั้นก็ทำใจให้อยู่กับโรคที่หาสาเหตุไม่เจอและรักษาไม่หายนั้นได้อย่างดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นก็เอาก๊อปปี้ประวัติเข้าตรวจรักษาที่โรงพยาบาลรัฐอีกแห่งนึง หมอก็ช่วยตรวจเช็คให้แต่ก็ไม่ได้ตรวจซ้ำทุกอย่าง ผลตรวจออกมาก็ปกติดี แต่ความดันก็ยังไม่หายไป ก็กินยาทุกวัน หมอก็ลดยาลงเรื่อย ๆ จนกินยาที่อ่อนที่สุด แต่ไม่สามารถที่จะหยุดกินได้ พอลองหยุดกินก็อยู่ได้ไม่นานก็เริ่มปวดหัวอีก

จนกระทั่งเดือนธันวาคม 2559 มีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรม 10 วันที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่ใช่ว่าการปฏิบัติธรรมทำให้หายป่วยแต่อย่างใด  เพราะหลังกลับมาก็ยังความดันสูงอยู่ แต่ตอนนั่งรถทัวร์กลับมาได้เจอกัลยณมิตรท่านนึง ช่างบุญพาให้มานั่งติดกัน เราพูดคุยกันมาตลอดทางจากกาญจนบุรีถึงกรุงเทพ เราคุยกันหลายเรื่อง แต่หนึ่งในนั้นคือ เรื่องโรคความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่ พี่เค้าแนะนำให้รู้จักแพทย์ทางเลือก หมอเขีย และอาหารฤทธิ์ร้อนเย็น ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน อาหาร
 อาหารมีฤทธิ์ร้อนเย็นได้ด้วยเหรอ ? เกิดคำถามในใจ และเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก หลังจากกันบนรถทัวร์พี่เค้าก็น่ารักส่งลิงค์ต่าง ๆ ของหมอเขียวมาให้ชม ก็เลยเปิดดู ตกใจกับสิ่งที่ได้ศึกษาเรื่องอาหารฤทธิ์ร้อนเย็นมาก เนื่องจากอาหารที่ชอบกิน คือ อาหารฤทธิ์ร้อนทั้งสิ้น เช่น ข้าวแดง เผือก เห็ดหอม ถั่วแดง ถั่วลิสง อัลมอนดื ผักชี ขิง ข่า ตะไคร้ คะน้า ถั่วฝักยาว ผักโขม ขนุนสุก ส้ม ลำไย ทุเรียน คือ ด้วยที่เราเป็นโรคที่ต้องกินยาทุกวัน เลยพยายามกินของที่มีประโยชน์ และกินของพวกนี้เพราะคิดว่ามันมีประโยชน์ แต่เพิ่งรู้ว่า เฮ้ย ! อาหารสุขภาพของเราคืออาหารฤทธิ์ร้อนทั้งสิ้น 555  แต่เมื่อศึกษาดูแล้วแต่ไม่มีเวลาไปเข้าคอส เพราะงานไม่เอื้อให้ลาอีกแล้ว เลยตัดสินใจลองใช้ประโยชน์ของอาหารฤทธิ์ร้อนเย็นมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันดู
ช่วงแรก ๆ ก็เปิดหาข้อมูลเอง ต่อมาเริ่มเปิดให้สามดูเพื่อจะได้เข้าใจและช่วยส่งเสริมกันและกัน ในเรื่องของอาหารการกิน สามีก็เห็นดีงามช่วยเตือนเวลาซื้อของมากินว่า นี่ฤทธิ์ร้อนนะเธอ 555
ช่วยแรก ๆ ก็ต้องปริ้นออกมาช่วยจำเลย เพราะเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ เมื่อก่อนอยากกินอะไรชอบอะไรก็ซื้อกิน แต่
แต่ตอนนี้ต้องดูรายชื่ออกหารฤทธิ์ร้อนเย็นก่อน 555 มันก็ไม่เชิงว่าจะกินเคร่งครัดมาก เพื่อไม่ใช้ชีวิตลำบากเกินไปและยังคงใช้ชีวิตอยู่กับสามีและเพื่อนรอบข้างได้ อย่างปกติ ก็ค่อย ๆ เริ่มปรับการซื้ออาหารเข้าบ้าน พยายามเลือกของฤทธิ์เย็นมากินมากขึ้น ลดฤทธิ์ร้อน หลังจากนั้นความดันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จากคนเป็นคนที่อยู่ในห้องแอร์ก็ยังมีเหงื่อออก ก็น้อยลงเรื่อย ๆ จนเมื่อวานไปหาหมอตามนัด ค่าความดันออกมาสวยงามที่สุดในรอบ 8 ปี ที่ผ่านมา 
ขอบคุณกัลยาณมิตรท่านนั้นมาก ๆ จากใจจริง


จากค่าความดัน 180  ลดเหลือ 116 ใช้เวลา  7 เดือน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น