แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
แชร์ประสบการณ์ การทำดีท็อกซ์
อนุโมทนาบุญ กับคุณTiprat Hiriwattanawong
ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
Tiprat Hiriwattanawong
เช้าวานนี้ ลูกค้ามาปรึกษาแต่เช้า คุณแม่เป็นมะเร็งเต้านม ทำดีท็อกซ์สวนทวารแล้วไม่มีอาจมออกมาสองวันติดต่อกัน เกิดอาการเครียดจัด ทำไงดี สอบถามได้ความว่า แม้ทำดีท็อกซ์ไม่มีอาจมออกมา และไม่ถ่าย แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ปัสสาวะออกมาครั้งละจำนวนมาก จึงอธิบายว่า อาการไม่ถ่าย แต่ปัสสาวะจำนวนมาก คือการเก็บน้ำไว้ระบายความร้อนในร่างกาย เพราะอาการไตร้อนต้องการน้ำดับร้อน ให้ปรับเปลี่ยนจากน้ำกาแฟเป็นน้ำใบเตยปั่นและกรองเอาน้ำใบเตยผสมน้ำอุ่นทำดีท็อกซ์สวนทวารแทน และเพิ่มปริมาณน้ำที่ทำดีท็อกซ์จาก 250 ซีซี เป็น 500 ซีซี วันนี้ทราบข่าวว่าคุณแม่ลูกค้าขับถ่ายสบายดีแล้ว และน้ำปัสสาวะนั้นก็ให้นำมาแช่มือเท้าแค่ท่วมข้อมือ ข้อเท้า ...
ขอบคุณหมอเขียวค่ะ ที่อบรมความรู้จนสามารถนำประสบการณ์ไปแบ่งปันกับผู้ทุกข์ทนด้วยโรคภัยได้อย่างมั่นใจ
และได้ผล โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เข้าตำราตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ ผู้สนใจศึกษาแพทย์วิถีธรรม ตามลิงค์นี้ค่ะ
ตัวอย่างท่านที่ ๒
แชร์ประสบการณ์ผู้ป่วย มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และหลายโรครวมกัน
อนุโมทธาบุญ กับ คุณ ยุวดี มโนชยากร ในการแชร์ประสบการณ์
บันทึกเมื่อ มกราคม 2553
ชื่อยุวดี มโนชยากร ชื่อเล่นชื่อ มด อายุ 50 ปี อาชีพเกาะสามีทานค่ะ ก่อนมาหาคุณหมอเป็นโรคหลาย โรค แต่โรคที่รุนแรงที่สุด คือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เริ่มเป็นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แพทย์ระบุว่าจะมีชีวิตอยู่
ได้ไม่เกิน 6 เดือน ตอนนั้นอาศัยอยู่ที่ประเทศอเมริกา เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 เทอมที่ 1
ถาม: อยู่มาได้อย่างไร 30 ปี แล้วรู้จักหมอเขียวได้อย่างไร
ตอนปี 2548 มีเพื่อนนำ VCD ของหมอเขียวกลับไปด้วย ตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าเป็นใคร แล้วเราก็มีวิธีดูแลตัวเองอยู่
แล้ว คือ จี้กง ไท้เก็ก จึงไม่ได้สนใจ จนเมื่อ พฤษภาคม ปี 2552
มีเพื่อนที่เป็นโรคไต เสียค่ารักษาไปเยอะมาก มาเข้าค่ายหมอเขียว
พอเขากลับไปอเมริกา เราก็ตกใจ เพราะหน้าตาเค้าสดใส หุ่นดีมาก
ก็เลยถามเค้าว่า เป็นยังไง รักษายังไง เราเป็นเพื่อนกันมานาน
เค้าก็จะรีบบอกว่าอยากให้พี่มดไป เพราะกลัวว่าเราจะตายเร็ว โดยเค้าเป็นคนจัดการประสานงานให้เราทั้งหมด
ถาม: ก่อนจะมารักษาที่เมืองไทย อาการที่เป็นอยู่มากๆ คืออะไรบ้าง
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่มดเป็นเมื่อ 30 ปีที่แล้วเนี่ย มันมีเหตุ คือ
ต้องตัดกระพาะอาหารทั้งหมด ไม่เหลือเลย รวมทั้งม้ามด้วย
จึงเป็นคนที่ไม่มีทั้งกระเพาะ และม้าม เมื่อร่างกายมีอวัยวะไม่ครบต่อมาร่างกายก็ไม่ปกติ
เนื่องจากหนังกระเพาะเป็นผู้ผลิตวิตามินบี 12 เมื่อเราไม่มีก็ต้องฉีดเข้าวิตามิน
เข้าตัว โดยฉีดเข้าที่ชั้นไขมัน เท่าที่มีก็แค่ตรงพุง
ฉีดทุกวันจนพุงเขียวไปหมด เราฉีดด้วยตัวของเราเอง หมอจะสอนให้ในครั้งแรก
ก็ฉีดทุกวันจนร่างกายดีขึ้น ก็เปลี่ยนเป็นอาทิตย์ละหน/ 2อาทิตย์หน/ 3อาทิตย์หน เมื่อร่างกายกลับมาแย่เค้าก็ให้กลับมาฉีดใหม่ทุก 2 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็มีอาการสารพัด เช่น เลือดจาง ไมเกรน ฯลฯ
ปี 2004(2547) ตรวจพบเนื้องอกก้อนใหญ่อยู่ในมดลูก เนื่องจากประวัติเราไม่ค่อยดี
หมอจึงให้ตัดมดลูก รังไข่ ปีกมดลูกทิ้งทั้งหมด เมื่อตัดมดลูกออกแล้ว
เราก็กลายเป็นคนกระดูกผุ หมอก็ฉีดยาชื่อ Re-Class ใช้ IV แบบ Dripping
ค่อยๆ หยด ต้องนอนให้หยดอยู่นาน แล้วมันร้อนมาก เหมือนกับมังกรพ่นไฟได้เลย
คล้ายๆ ตอนทำคีโม โดยก่อนทำ Re-class ควรกินน้ำมาก่อนมากๆ
แต่เราเพิ่งทราบตอนกำลังจะทำ จึงไม่ได้ทานน้ำมา ขณะทำเลยทานน้ำหมดขวด
การฉีด Re-class ฉีดปีละครั้ง ยาตัวนี้มีคุณสมบัติดึงแคลเซียมจากเลือดมาแปะที่กระดูก ดังนั้น ต้องมั่นใจว่าเรามีแคลเซียมเพียงพอ ไม่อย่างนั้นมันดูดดออกมา และยาตัวนี้มีผลข้างเคียงเยอะมาก ซึ่งเราอาจจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ แต่ทั้งหมดที่เค้า list มา 20-30 อย่าง เราเป็นซัก 25 อย่าง คือ เป็นเกือบหมดเลย
วันแรก The high dried คือ แห้งทั้งตัว แล้วมัน Splash sym คือ
มันเหมือนกับตะคริว ใครที่เคยเป็นตะคริวที่ขา เวลาว่ายน้ำแล้วเป็นตะคริวจะไม่มีแรง แต่นี่เราเป็นตะคริวทั้งตัว เดี๋ยวๆ ก็เป็นตะคริวที่หน้าอก เดินๆ อยู่นี่ทำอะไรไม่ได้เลยมันเป็นตะคริวก็ต้องหาที่นั่งพัก
ค่อนข้างจะทรมาน และช่วงนี้จะมีอาการปวดหัว คือ เป็นไมเกรนมาหลายปีแล้ว
และปวดหัวจนหมอเค้ากลัว เพราะอาการมันเหมือนกับมะเร็งในเนื้องอกมาก
ถาม: ช่วงก่อนไปลำปางเที่ยวที่แล้ว มีอาการปวดหัวมากไหมคะ
มีค่ะ หนหนึ่งค่ะ แต่ที่นี่เป็นทุกวัน สงสัยเค้าอยากจะให้รีบรักษาเค้า เค้าเลยมาแสดงให้เป็นซะก่อน งานนี้ถือว่าเป็นไม่น้อยค่ะ กลางๆ พอสมควรทีเดียว ช่วงเช้าที่ทำกายบริหาร พอทำไปได้ซักครึ่งนึงจะต้องนอน แต่กลัวพี่สาวห่วงก็เลยบอกว่าง่วง
ถาม: ตอนอยู่ที่ลำปาง 5-7 วันนั้น อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ
ต้องเรียนว่าเนื่องจากไม่มีม้ามจึงจะติดเชื้อง่ายมาก เพราะม้ามเป็นตัว Immune System ตัวหนึ่ง เช่น ถ้ามือไปจับสิ่งของแล้วไปหยิบอาหารใส่ปากโดยไม่ล้างมือก่อน 99.99% จะท้องเสีย ท้องร่วง หรือถ้าใครจามไกล้ๆ เค้าแค่จามแต่เราเข้ารพ. 3วัน ครั้งหนึ่งมีคนเอาอาหารของพระมาให้ บอกว่าเป็นอาหารของครูบาอาจารย์ เราทานเข้าไปก็เข้ารพ. 3 วัน
ตอนเข้าค่ายครั้งแรก สิ่งที่กลุ้มใจที่สุด ปัญหาที่คิดหนักที่สุดเลยก็คือ คลอโรฟิลเค้าไม่ได้ต้มเดือดก่อน เค้าขยี้สดๆ แล้วให้กินเลย ก็คิดว่าเค้าคงทำแบบล้างมือ
พาสเจอร์ไรส์ เรียบร้อยแล้วค่อยไปขยี้ ปรากฎว่าเราเข้าไปในครัว
เห็นคนนั้นหยิบหม้อ วางหม้อแล้วก็มาขยี้ คันก็เกา แล้วก็มาขยี้
ตอนนั้นยอมรับว่าสู้กับตัวเองพอ
สมควร ว่าจะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยง อุตส่าห์บินตรงมาเลย มาถึงเมืองไทย ตี 1
รอเช้า แลกเงิน 3โมงเช้าไปหมอชิต นั่งรถจากหมอชิตมาลงมุกดาหาร
ต่อรถมุกดาหาร ไปดอนตาล คือ บินตรงไปเลย จึงลำบากใจมากๆ ว่าควร
หรือไม่ควรทาน แต่คิดว่าใหนๆ เรามาแล้ว จะเป็นอะไรก็เป็นกัน
หมอก็อยู่ตรงนี้ กลัวอะไร ก็เลยดื่มค่ะ ใครเค้าดื่มอย่างไร ก็ดื่มตามเค้า
แต่เพื่อนจะชอบถามว่า คุณมา คุณเป็นอะไรหรือ เราก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรว่าเราเป็นอะไร ก็เลยบอว่าเป็นน่ะค่ะ ไม่รู้จะเล่ายังไงเพราะเป็นหลายอย่าง
แต่ตอนกินน้ำเขียวไปเนี่ย วันที่ 2 ค่อนข้างจะประหลาดใจ เพราะมันไม่มีอาการที่มันเคยเป็น มันไม่มีอาการของการท้องร่วง ไม่มีอาการท้องบิด ที่เราเคยทานอาหารที่แม้กระทั่งมือเรา ถ้าลืมล้างก่อนหยิบอะไรใส่ปากไม่เคยรอดซักที ถ้ามือคนอื่นไม่ต้องพูดถึงเลยนะคะ บางคนใจดีเอาอาหารมาให้เราก็ไม่รู้จะทำยังไง จะทานก็ไม่ได้ จะไม่รับก็ไม่ได้ ก็ต้องรับมา ถือเอาไว้ในมือก่อนค่อยแอบเอาไปล้างน้ำกิน หรือแอบไม่ก็ต้องทิ้ง ไม่อย่างนั้นไม่คุ้มค่ะ ไม่คุ้มจริงๆ แต่พอทานน้ำเขียวแล้วไม่มีอาการ นอกจากไม่มีอาการของการปวดท้องอย่างรุนแรง และท้องร่วงแล้วเนี่ย ธรรมดาเนื่องจากมดไม่มีกระเพาะ
ถาม: ไม่มีกระเพาะแล้วทานอาหารได้อย่างไร
ก็ทานปกติเคี้ยวๆ น้ำลายก็ย่อยก่อน เมื่อกลืนลงไป จากท่ออาหารก็จะไปถึงลำใส้ใหญ่ที่คุณหมอตัดเอามาใช้แทนกระเพาะ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หมอเค้าคงคิดว่าคุณสมบัติอันนี้มันคงยืดหยุ่นได้ เพราะฉะนั้นเมื่อกินเข้าไปเรื่อยๆ มันคงจะทำให้ลำใส้ใหญ่ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะเก็บอาหารได้บ้าง แต่ว่าเค้าสำคัญผิด นอกจากมันจะไม่ยืดหยุ่นแล้ว เราเพิ่มแผลในร่างกายหลายจุด จุดหนึ่งตรงลำใส้ใหญ่มีแผลเป็น 1 จุด และตรงข้อต่อเรามีอีก 2 จุด แทนที่กินอาหารเข้าไป แล้วพักที่กระเพาะทำหน้าที่ปั่นอาหารส่งไปให้ลำใส้เล็กเพื่อดูดซึม ของเราจะลำบาก เพราะมันไม่ใช Two Way Street แล้ว มันจะเป็นแค่ One Way คือถ้าเรากินอาหารเข้าไปแล้วลม
ตีขึ้น สองอย่างนี้ก็จะปะทะกัน แล้วบิด ตัวเราก็จะบิดไปด้วย
ตามจังหวะของมัน มันจะปวดท้องมาก ปวดร้าวไปถึงหลังทั้งแผ่น
อธิบายให้คนไม่เป็นฟังยาก นึกถึงเวลาเราปวดฟันแรงๆ ยังงั้นแหละค่ะ
ถาม: ทุกครั้งที่ทานอาหารจะเป็นเช่นนั้น
95% ค่ะจะเป็น 2เรื่องนะคะเรื่องที่เราทานอะไรแล้วแพ้ หรือ ท้องร่วง ท้องเสียก็ไม่เป็น และอาการปวดท้องทุกครั้งหลังรับ
ประทานอาหาร ไปที่ค่ายนี้ แทบไม่เป็นเลย แล้วปกติทานอาหารได้
2-3คำเป็นอย่างมาก อยู่ที่ค่ายทานได้ 2 ชาม ยังงงตัวเองเลยนะคะ
ไม่เคยเลยในชีวิต ตั้งแต่เป็นมะเร็งมา 30 ปี ไม่เคยทานข้าวได้เป็นชามๆ ได้ 2
ชาม ก็ขอบคุณมาก ไม่ว่าจะบุญของใคร หรืออะไรมารวมกัน ทำให้สิ่งนี้เกิด
ก็ขอขอบคุณ คุณหมอ และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
คลิ๊กฟังเนื้อหาได้ที่ลิงค์
http://www.youtube.com/watch?v=SY7VV-x05tg&list=PLbzpGbAUyJqksRyDRtBN--bU_19qzKFkd&index=10&feature=plpp_video
ตัวอย่างท่านที่ ๓
แชร์ประสบการณ์ มะเร็งเต้านม
อนุโมทนากับ คุณกัญญา เพิ่มพูล
ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
กัญญา เพิ่มพูล
ดิฉันเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่สองค่ะผ่าตัดแล้วเตรียมจะคีโมแต่มาพบแพทย์ทางเลือกก็ตัดสินใจรักษาทางนี้ใช้เวลาสามเดือนในการรักษาพอพบกับคุณหมอๆบอกว่า
หายแล้ว
ต่อไปนี้คือการเฝ้าระวังอีกสองปีแนวทางการรักษาของดิฉันคือไม่กลัว
ตายต้องปรับใจเพราะเราจะเป็นโรคหรือไม่เป็นโรคก็ต้องตายอันนี้ข้อที่หนึ่ง
ต่อไปคือปรับอาหารค่ะรับประทานผลไม้ก่อนอาหารทุกมื้อรับประทานผักฤทธิ์เย็น
เป็นประจำดื่มน้ำย่านางและสำคัญอีกข้อค่ะดื่มน้ำปัสสาวะโรคร้ายหายสิ้นออก
กำลังกายทุกวันตอนนี้ร่างกายแข็งแรงจิตใจเยือกเย็นอย่าลืมอีกข้อค่ะอย่าลืม
สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิทำบุญทุกบุญอย่างสม่ำเสมอเตรียมตัวไปโลกหน้าอย่างมี
สติเรื่องใดๆที่คั่งค้างจัดการให้เรียบร้อยไม่ต้องกังวลกลางคืนก่อนนอนก็
เตรียมตัวว่านอนแล้วไม่ตื่นก็ไม่ห่วงอะไรแล้วเพราะพร้อมทุกอย่าง
แล้วขอบคุณ
หมอเขียวและทีมงานจิตอาสาทุกท่านขอให้พบกับความสุขปนาศจากทุกข์ร้อนใดๆ
บำเพ็ญจิตและใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายต่อไปนะค่ะเจริญธรรมค่ะ)
ตัวอย่างท่านที่ ๔
แชร์ประสบการณ์ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อนุโมทนาบุญกับคุณ Jdai Jaidee
ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
Jdai Jaidee
น้าชายเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองขั้นที้สองเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสามปีไม่หาย
แต่พอมาดื่มน้ำสมุนไพรสูตรของหมอเขียวหกเดือนดื่มบ้างไม่ดื่มบ้าง
ตอนนี้หายแล้วหมอตรวจไม่พบเลิกให้ยามากินแต่ก็นัดตรวจอยู่บ้าง หมอแปลกใจมากเป็ไปได้อย่างไร
ต้องขอบคุณน้ำสมุนไพรสูตรหมอเขียว
ตัวอย่างท่านที่ ๕
แชร์ประสบการณ์ มะเร็งปอด
อนุโมทนาบุญกับคุณ Tawhan MooJiew
ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้ค่ะ
ขออนุญาตแชร์....เรื่องราวของแม่ ซึ่งเป็นบุพการีค่ะ...ต้องขอเท้าความก่อนนะค่ะ ว่า แม่..ทำอาชีพเป็นช่างเสริมสวยค่ะ^^ ทำมาประมาณ 7 ปี แล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว (2555)
แม่ไม่สบาย เป็นหวัด และไอ...ไอแยอะมากกก จนเหนื่อยหอบเลยทีเดียว...แต่ระหว่างนั้นแม่ก็ไปหาหมอตามคลินิก ก็ได้คำตอบว่า แม่เป็นภมิแพ้ (แม่มีโรคประจำตัวคือภูมิแพ้อยู่แล้ว) หลังจากนั้นก็กลับบ้านมาทานยา
เรื่อย ๆ อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
เลยตัดสินใจไปหาหมอที่ รพ.แห่งหนึ่ง
โดยบอกอาการดังกล่าว พร้อมกับเอ๊กซเรย์ปอด ก็ได้คำตอบว่า ไม่เป็นไรค่ะ T^T
หมอก็นัดอีก 2 อาทิตย์ .....กลับบ้าน ทานยา...ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย เฮ้อ...
แม่เลยต้องตัดสินใจไปหาหมอเฉพาะทางค่ะ โรคภูมิแพ้โดยตรงเลย..พอถึงคิวแม่ตรวจ แค่หมอพักเสียงหัวใจแม่ หมอเลยบอกว่า อาการไม่ปกติแล้วล๊ะ...เลยส่งตัวแม่ไปคลินิกหมออีกคลินกหนึ่ง คือ คลินิกตรวจเกี่ยวกับปอด....หมอเลยให้เอ๊กเรยปอด....หมอมอง
ดูฟิลม์...และ บอกว่า..." ไม่วัณโรคปอด ก็ เนื้อร้ายนะ "
สั่งให้แอดมิด
เจาะปอด เอ็กซเรย์ปอด ฉีดสี....รอฟังผลอีก 1 สัปดาห์ค่ะ...และสิ่งที่เราไม่อยากให้เป็น...หรือสิ่งที่เราคิดว่า..คงไม่เป็นหรอก...หรือ
คิดไม่ถึงก็เกิดขึ้นจริง ๆ ค่ะ.....หลังจากวันที่แม่ และ พ่อ
และตัวหนูได้รู้ว่าแม่เป็น " มะเร็งปอด "
เศร้าเลยหล่ะค่ะ
แต่..ต้องขอบคุณที่หมอพูดตรง ๆ ว่าเป็นโรคอะไร พอกลับมาจากการฟังผล มาถึงที่บ้าน แม่..ตัดสินใจที่จะโทรปรึกษาคุณหมอคนหนึ่ง (คุณหมอคนนี้ไม่สบายและเป็นมะเร็งมดลูกและลาออกจากการเป็นหมอแล้วมารักษากับหมอเขียวค่ะ)
คุณหมอเลยให้คำปรึกษาถึงวิธีการ
ดูแล ตัวเอง หมอแนะนำให้มาขูดพิษ แม่เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น
ในเรื่องของอาหาร งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลาค่ะ ผัก ผลไม้ ฤทธิ์เย็นค่ะ
เพราะแม่ธาตุไฟ แม่รักษาด้วยวิธีของหมอเขียวและแพทย์ แผนปัจจุบันค่ะ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "กำลังใจค่ะ" การดูแลสุขภาพผู้ป่วย การรับประทานอาหารของผู้ป่วย หนูว่าสำคัญมากๆๆ จริง ๆ ขอบคุณหมอเขียวค่ะ ที่ทำให้แม่หนูสดชื่น สดใส แม่ทานน้ำใบย่านาง ทุกวันเลยค่ะ
ตอนนี้แม่เป็นวิทยากรบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ หนูขอเอาเรื่องราวเล่านี้มาบอกต่อนะค่ะ การดูแลสุขภาพ...เป็นเรื่องสำคัญ อย่ารอให้ตัวเราเองป่วย...แล้วค่อยกลับมาดูแลนะค่ะ ขอบคุณหมอเขียวมากๆๆๆค่ะ
ทุกวันนี้แม่ของหนูสบายดีค่ะ ไม่มีอาการเหนื่อยหอบแล้ว ยังดูแลตัวเองตามแบบของหมอเขียว และคงจะดูแลตัวเองแบบนี้ตลอดไปค่ะ ^^
ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้หนูเล่าเรื่องราวของแม่นะค่ะ
สนใจติดตามข้อมูลข่าวสารเนื้อหาสาระ
แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด) ได้ที่
www.morkeaw.net
FBหมอเขียวแฟนคลับ
FBแพทย์วิถีธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น