วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

โรคไต

กรณีตัวอย่างที่ ๑
แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)

แชร์ประสบการณ์ การรดูแลสุขภาพแบบแพทย์วิถีธรรม
อนุโมทนาบุญ กับ คุณรัตนา พรมมา ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้




แม่เล็กก็ไปเข้าครอสตลอด ดีจริงๆ แม่หายจากโรคไตปวม จากที่ต้องเจาะไตที่รพ.ศรี. แม่ตัดสินใจไปรักษากับหมอเขียวมา 2 ปีแล้วตอนนี้สบายทำงานได้ ไม่เป็นไข้บ่อยๆ ่ยี่ยวไม่เล็ด หนูชื่นชมหมอเขียวจริงๆ ทุกวันนี้หนูก็นำความรู้ที่แม่ได้มานำมาปฎิบัติหลายอย่าง ทั้งดีทอล์ก กัวซา ดื่มนำ้คลอโรฟิว และอีกมากมาย หนูต้องขอขอบคุณหมอเขียวที่ทำให้ครอบครัวเราวันนี้ มีอะไรที่ดีๆขึ้น......


 https://www.facebook.com/photo.php?fbid=537727922905744&set=a.498146633530540.118832.451999981478539&type=3&theater


ตัวอย่างกรณีที่ ๒
แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
แชร์ประสบการณ์ โรคความดันโลหิตสูง และภาวะไตเสื่อม
อนุโมทนาบุญ กับคุณSupaporn Add 

ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
 


Supaporn Add
       สวัสดีค่ะ...ขอแชร์ประสบการณ์
แฟนอายุ 51 ปี มีความดันโลหิตสูง (200กว่า) ไปเช็คแล้วคุณหมอบอกว่ามีภาวะ ไตเสื่อม มีคอเลสเตอรอลสูง 

       ได้เข้ามาศึกษาใน FB ของหมอเขียว ไม่ได้ทานยาลดความดัน ใช้ยาสูตร 9 เม็ดของคุณหมอ เริ่มเม็ดที่หนึ่งคือดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ 
กัวซา แช่มือ แช่เท้า พอก ทา ใช้ไปแค่ 3 เม็ด ผ่านไปประมาณซักเดือนครึ่ง 
        วันนี้ (27/09/13) ได้ไปตรวจเช็คที่ ร.พ. ความดันปกติ 
ค่าของไตปกติ คอเลสเตอรอลก็ปกติ 
         เหมือนอย่างที่คุณหมอพูดไว้ว่าถ้าความดันลง ทุกอย่างก็ลง อีกอย่างที่ลืมบอกไปคือ ทานอาหารรสจืดด้วย 
         ต้องขอขอบคุณ คุณหมอเขียว ที่ในโลกนี้ยังมีคุณหมอที่ใจดี ไม่หวงวิชา ขอบคุณมากๆค่ะ

ตัวอย่างกรณีที่ ๓


หมายเหตุ  ปัจจุบันศูนย์ย้ายมาตั้งที่ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
สวนป่านาบุญ 1 อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร
อีเมล์ suanpanaboon.app@gmail.com  ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน www.morkeaw.net


ตัวอย่างกรณีที่ ๔
แชร์ประสบการณ์ผู้ป่วย SLE  ไตวาย ความดันโลหิตสูง

และนิ่วในท่อไต
อนุโมทนาบุญกับคุณคุณฐิตาภา พรรณนารักษ์  
ในการบำเพ็ญบุญครั้งนี้




คุณฐิตาภา พรรณนารักษ์ จากคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
มาค่ายครั้งแรกเป็นผู้ป่วยหนักด้วยโรค SLE ติดตามด้วยไตวาย ความดันโลหิตสูง และนิ่วในท่อไต ไตวายเพราะทานยาวันละ ๒๕ เม็ด และเข้าเคมีร่วมด้วยเดือนละครั้ง แอดมิทที่ศรีนครินทร์ รู้จักย่านางจากแฟน ที่เดินไปเจอโต๊ะพยาบาลที่ตั้งโต๊ะที่ศรีนครินทร์ เป็นย่านางเล่มเขียวเล่มแรกและถอดรหัสสุขภาพเล่มแรก ๒ เล่มนี้ราคาไม่ถึงร้อยแต่สามารถให้ชีวิตใหม่กับดิฉันได้ แต่บุญยังไม่ถึง ยังไม่ศึกษา แฟนซื้อมาแล้วก้อวางอยู่นั่นแหละที่หัวที่นอน ก้อป่วยๆอยู่อย่างนั้นจนร่างกายจะรับไม่ไหว ทีนีก้อลองมาศึกษาดู และไปรู้จักคลื่นวิทยุของ

ชุมชนวัดสวนธรรมของป๋าติ้ว สามีเป็นคนเอามาให้ ขอให้เปิดใจหน่อย อย่าเอาแต่ยาหมอ เพราะทางหมอก้อแนะว่ากินได้อย่างเดียวคือ ยาของหมอ ไม่ให้กินอย่างอื่นสักอย่าง ให้กินแต่ยาหมอ ตัวเราก้อเชื่อเพราะอยากรอด ที่นี้มันย่ำแย่ๆ โอ๊ยยังไงก้อจะตายแล้ว ยังไงก้อต้องขอลองย่านาง พอนึกอย่างนี้ก้อบอกสามีให้ไปทำให้กิน พอกินแก้วแรกเท่านั้นรู้สึกว่าเกิดอาการที่ดีขึ้นกับร่างกาย คือ กินเสร็จปั๊บปวดท้องเข้าห้องน้ำ และจากที่ไม่ถ่ายมาประมาณ ๗-๘ วัน เข้าเคมีมาแล้วไม่ยอมขับถ่ายตามปกติ กินปุ๊บเข้าไปเหมือนเด็ก เราเหมือนเด็กที่เค้าอะไรล่ะ...ที่เค้าพรุออกมาเลย ที่นี้มันสบายโล่งแล้วเริ่มมีพลังชีวิต เริ่มไม่เหนื่อยแล้ว เอ้าลองอีกทีสิ ลองทั้งวันวันนั้น แล้วรู้สึกพลังชีวิตเราขึ้นมา มีแรงที่จะพูด จากที่เดินไม่ได้ต้องให้สามีดูแลทุกอย่าง ทำทุกอย่างแทนเราหมดแม้แต่การเข้า ห้องน้ำ.... ที่นี้ก้อเริ่มกินทุกวัน พอได้ ๓ วันก้อเริ่มทำกับข้าว แฟนก้อดุว่าอย่าเพิ่งมาทำ แต่ตัวเองนอนมา ๓ ปีแล้ว คือ ไม่เห็นโลกภายนอกเลย ... 
           จากนั้นก้อศึกษามาเรื่อยๆ กินมาเรื่อยๆ พลังชีวิตก้อเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทีนี่มันก้อนานมาพอสมควรแล้วและเริ่มมารู้จักคำว่า 
ดีท๊อกซ์ เพราะฟังจากคลื่นวิทยุของป๋าติ้วนี้แหละ พอถึงเวลาบ่ายโมงจะไม่ไปไหน จะรอฟังว่า อาจารย์หมอเขียว จะพูดอะไร จะปะติดปะต่อจากที่ได้ฟังมาปฏิบัติด้วยตัวเอง อย่างกัวซาก้อปฏิบัติเข้าผิดๆถูกๆ ทำไปแบบไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเทปเปิดแค่ชั่วโมงเดียว แล้ว
การดีท๊อกซ์ก้อเหมือนกัน แต่ก่อนใช้น้ำอุ่นไม่รู้เรื่อง พอดีลูกสาวเค้ากำลังเรียนแพทย์ปี ๕ อยู่ เค้ามาเห็นแม่และบอกว่าการทำน้ำอุ่นไม่ดีเพราะผนังลำไสมีผล เลยหันมาใช้น้ำเย็น
             ที่นี้พอได้ประมาณอีก ๕-๖ เดือน ได้รู้จักพี่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่ง ป่วยเป็นมะเร็งและมาที่นี่ เลยแนะนำว่าอยากไปไหม พอดีเขาจะส่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไปทำการศึกษาเพื่อจะนำไปใช้ที่โรงพยาบาล ก้อเลยติดรถมาด้วย เป็นบุญมากมาถึงนี่ มานี่ ๓ วัน เริ่มได้ศึกษาจากทฤษฎีที่อาจารย์หมอท่านให้ เป็นวิทยาศาสตร์ล้วนๆ เริ่มเชื่อ เพราะปกติตัวเองเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ 

            พอเริ่มเชื่อและศรัทธาที่มาจากย่านางที่ทำให้ตัวเองมีพลังชีวิตขึ้น...เออเชื่อศรัทธามาก ๓ วันไปปรึกษากับ อาจารย์ บอกว่าขอทิ้งยาทั้งหมดได้ไหม หักดิบเลย อาจารย์ถามว่า SLE กินยาวันละกี่เม็ด... พาริสเตอโลน ๔ เม็ด และอย่างอื่นด้วยรวมแล้ว ๑๘ เม็ด จาก ๒๕ เม็ดเหลือ ๑๘ เม็ด และเข้าเคมีจากเดือนละครั้งเป็น ๓ เดือนครั้ง หมอบอกว่าโรคนี้มันทรมาน มันปวด เอาเป็นอย่างละครึ่งได้ไหม ตัวเองมานึกอีกทีเหลืออีก ๔ วันจะปิดค่าย ถ้าไปถึงบ้านแล้วไม่กล้าแน่นอน กลัวตายค่ะ 
            ยอมรับว่ากลัวตาย ยังไม่อยากตายจากลูกจากสามี ก้อเลยหักดิบเลยแล้วกันในวันนั้น ทิ้งไปหมดเลยค่ะ แต่จากทฤษฎีที่เราศึกษามาและอาจารย์พูดตลอดว่า น้ำพระพุทธเจ้า คือ สิ่งที่เป็นยารักษาโรคดีที่สุด... วันนั้นเริ่มดีท๊อกซ์ จากวันละ ๒ ครั้งเป็น ๔ เพราะได้ปรึกษากับอาจารย์หมอแล้ว ว่าดีท๊อกซ์เยอะๆ แล้วน้ำปัสสาวะก้อกินเลย มีอาการปวดนิดๆก้อกินๆๆ วันแรกกินน้ำฉี่ประมาณ ๔ แก้ว อาการปวดแทบไม่มีเลย อาการจากหักดิบยาก้อไม่มีเลย ลูกก้อพะว้าพะวง น้องน้ำตาลมาด้วย แม่ เอาดีเหรอ เอาดีเหรอ... ทำไปทำมาครบคอร์สสบายตัว ตอนมาหน้าบวมๆเพราะไตวาย เตรียมจะฟอกแล้วเพราะทุกอย่างไม่ โอเคแล้ว มันหมดทุกอย่าง ... ที่นี้รู้สึกสบายตัวมาก แล้ววันกลับ กราบลาอาจารย์หมอเขียว กราบที่เท้าท่านเลย ถ้าไม่มีท่านจะไม่มีวันนี้ แล้ววันนั้นสัญญากับอาจารย์หมอ ว่า จะนำวิชาชีพที่ได้ไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ก้อเลยไปถึงบ้านแล้วนึกดู ตัวเองมีอาชีพแม่เป็นแม่ค้า แล้วพอตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีอาชีพให้ตัวเองเลยเพราะนอนอยู่ ๓ ปี แล้วจะทำยังไงให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ก้อเลย...อ้อก้อลองทำน้ำย่านางดูซิ คนเรียกร้อง เธอไปทำอะไรมา หน้าก้อยุบ แล้วร่างกายมาตลาดอะไรก้อมาได้เหมือนคนปกติ ก้อเลยลองทำ ทีแรกก้อก้อว่าจะทำแจกจ่ายให้เป็นวิทยาทาน คือ เราสัญญาในใจแล้วว่าจะนำย่านางนี้ไปเผยแพร่ ที่นี้กลายเป็นสัมมาชีพแล้วค่ะ ทำรายได้ ลูกสาวน้องน้ำตาลก้อช่วยขาย...พ่อแม่... เลยโทรฯหาสามีที่ทำงาอยู่กรุงเทพฯให้มาช่วยขายย่านาง เพราะเป็นอาชีพได้แล้ว แล้วก้อเริ่มทำ แล้วเดี๋ยวนี้ก้อเป็นกิจการในครัวเรือน ได้ด้วย
การใช้ปัสสาวะทำดีท๊อกซ์ไม่ค่อยถูกกับตัวเอง ใช้ดื่มมากกว่า
ขณะนี้ย่านางทำให้ชีวิตดีขึน ได้ชีวิตใหม่ เพราะไปศรีนครินทร์ด้วยกัน ๕ คน เรียบร้อยแล้ว ๓ คน อีกหนึ่งคนก้อยังครึ่งผีครึงคน ส่วนตัวเองเป็นคนแล้ว เป็นคนที่มีสัมมาชีพด้วย ขณะนี้เป็นเจ้าเดียวที่ขายน้ำย่านางใน คำเขื่อนแก้ว


คลิ๊กฟังเนื้อหาได้ที่เวป  http://www.youtube.com/watch?v=s_EUtA-M5Hg


ตัวอย่างกรณีที่ ๕
แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
แชร์ประสบการณ์ ภาวะร่างกายไม่สมดุลแบบร้อนเกิน โรคความSLE ลงไต
อนุโมทนาบุญ กับคุณPiman Diregsilp ในการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้
 


Piman Diregsilp

สวัสดีครับ ขอแชร์ประสบการณ์ แฟนผมป่วยเป็นโรค SLE ลงไต ครับ ซึ่งคุณหมอโรงบาล จุฬา จะนัดแฟนผมไป ตรวจทุกเดือนครับ ทีนี้คุณหมอต้องให้เคมี ถึง สามครั้ง แต่ผมไม่ให้แฟนไปให้เคมี ตามที่หมอสั่งครับ ค่าไตแฟนผมตอนนั้น รั่วถึง ระดับ 4 ซึ่งหมอบอกว่ามันอักเสบเลยต้องให้เคมีครับ ผมได้พาแฟนไปเข้าค่าย 1 วัน ในวันที่ 8 กันยายน 2556 ที่สมุทรสาคร ครับ และได้กลับมาประฎิบัติตัวตามที่ได้อบรมจากทีมงานหมอเขียวครับ แต่ได้ใช้วิธีแค่ -กินน้ำโครโรฟิว -ทำดีท็อก กับปรับเรื่องอาหารบ้าง ไม่กินรสจัดและเน้นไปทางผักครับ ทำแค่นี้ครับ เป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์กว่าๆ วันนี้ แฟนผมได้ไปตรวจตามนัดที่โรงบาลจุฬาครับ แต่ผลการรั่วในไต ลดลง เหลือ 2 ครับ แต่หมอที่จุฬาบอกว่าจะต้องให้เหลือ 0 ครับ แสดงว่าการประฎิบัติตามทางของหมอเขียว มีผลได้อย่างชัดเจนเลยครับ ผมมั่นใจและแน่ใจที่สุดจะไม่ต้องให้แฟนผมไปให้ยาเคมีอีกแน่นอนครับ ขอขอบคุณหมอเขียว และทีมจิตอาสา มากๆเลยนะครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=682986031713265&set=a.498146633530540.118832.451999981478539&type=1&theater
 


ตัวอย่างกรณีที่ ๖
แม่โกฏิ ไตวายระยะสุดท้าย เบาหวาน ตับแข็ง ริดสีดวงทวาร ไวรัสตับบี


คลิ๊กฟังจากลิงค์
https://www.youtube.com/watch?v=2P22fBDhvQ8&list=PLbzpGbAUyJqlyc3dNOuJSuZiUzeyDlQwG&index=5  
ผมชื่อ วงศป์ระสิทธิ์ มะลิรส ทำงานสาธารณสุข เป็นผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านท่าไคร้ ตำบลบึงพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ รู้จักแพทย์วิถีธรรมของหมอเขียวตั้งแต่ ธันวาคม ปีพ.ศ.2556 วิดีโอที่ผ่านไปเมื่อครู่ เป็นคริปที่ดูแลผู้ที่เรารักที่สุดคือ แม่ ซึ่งเป็นไตวายระยะสุดท้าย ผมก็ได้นำธรรมะและองค์ความรู้ของท่านอาจารย์หมอเขียวไปใช้อย่าง 100 % โดยไม่ได้ใช้แผนปัจจุบัน แม้แต่นิดเดียวในการรักษาโรคไตวายระยะสุดท้าย แม่โกฏิ มะลิรส วันนี้ก็อาการแข็งแรง คล่องแคล่วว่องไว  79 ปี ปีนี้ปีที่ 80 ซึ่งมาค่ายหมอเขียวถือเป็นแฟนพันธ์แท้ มาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2555 มาเรื่อย ๆ เกือบ 20-30 ครั้ง พอดีเดือนธันวาคม ปี 2558 สองสามเดือนที่ผ่านมาที่แหละครับ วันที่ 13 สิงหาคม ก็เริ่มป่วย ป่วยอาการหนักมาก แม่ผมพะแงบ ๆ จะหมดลมหายใจ รอมร่อๆ ในวีดีโอที่ให้ชมดีขึ้นนิดหน่อย แต่ก่อนนั้นเหนื่อย อาเจียน เราก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นสาเหตุเกี่ยวกับอะไร แต่เราวิเคราะห์อย่างเดียวว่ามันร้อน หรือมันเย็น หรือ ร้อนเย็นพันกัน แค่นั้น ทั้ง ๆ ที่เราก็เป็นนักสาธารณสุข เค้าเรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่สุขภาพที่เรียนวิทยาศาสตร์สุขภาพแผนปัจจุบัน แต่ว่าสามปีที่ผ่านมาที่มารู้จักกับแพทย์วิถีธรรม เราจะวินิฉัยตัวเราหรือคนไข้อื่น ๆ ก็เราจะดูที่ว่ามันร้อนหรือมันเย็นหรือร้อนเย็นพันกัน แม่ก็เช่นเดียวกัน แม่ป่วยไข้สูงมาก เอาปรอทวัดไข้ปรอทจะแตก ประมาณ 43-45 องศา ซึ่งคนปกติอุณหภฺมิประมาณ 37 องศา ถ้า 39 ก็ถือว่าไข้สูง ถ้าเด็กก็จะชัก  10 วันเต็ม ๆ ไข้สูง แต่เราวินิจฉัยกับพยาบาลประจำตัวคุณบุญทัน มะลิรส เป็นหัวหน้าพยาบาลรพ.สต.ท่าไคร้ ทานข้าวไม่ได้ 10 วัน จะอาเจียน แต่ทาทนไม่ได้เราก็ต้มข้าวกินน้ำข้าวต้ม ภาษาลาวเค้าเรียกว่า หยอดน้ำข้าวต้ม บางวันก็ต้มถั่วขาวที่เอาไปจากสวนป่านาบุญ กินแต่น้ำ 10 วัน เราถอนพิษใช้ทุกเม็ด ผมเห็นหลายท่านที่เข้ามาปรึกษาเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ไตเหลืออยู่ 4-5 % แต่ก็ยังเดินได้สบาย แต่ว่าแม่โกฏินี้ไต 5 % อัตราการทำงานของไตหรือพูดภาษาชาวบ้านคือ แรงม้า หรือภาษอินเตอร์เรียก GFR สเตท 5 เค้าบอกว่า ถ้ามากกว่า 90 ถือว่าอัตราการทำงานถืว่าปกติ  เกิน 100 ถือว่าเยี่ยม

ถ้าเริ่มต่ำกว่า 90 แสดงว่าไตเริ่มเสื่อมระยะที่ 1 ก็ไล่ ๆๆๆ ไป ผมจำได้ว่าถ้าต่ำกว่า 15 ถือว่าไตอยู่ในระดับ 5 ระยะสุดท้าย อาจารย์หมอก็จะดูว่ามีค่าของเสียเท่าไหร่ประกอบแล้วเตรียมฟอกไต ถ้าต่ำกว่า 15 แต่ถ้าต่ำกว่า 10 คืออยู่ในสเตท 5 เช่นเดียวกันถ้าต่ำกว่า 10 ฟอกทุกราย ถ้าของเสียที่เค้าเรียกว่า เคตินีน (Creatinine) เค้าไม่ให้เกิน 1.3 ของแม่โกฏินี้ 6.8 เรียกว่า สูงมาก


วงการแพทย์แผนปัจจุบันสะเทือนน่ะครับ ค่า BUN ของเสีย 113 เค้าไม่ให้เกิน 18 ของยายโกฏิ 113 อาการของคนไข้คือ ตาย หายใจพะแงบ ๆ หนักมาก ตัวก็บวม หน้าเศร้าหมอง เหมือนคนจะตาย  เราดูแลแบบแพทย์วิถีธรรม 100% ไม่ใช้แบบปัจจุบันแม้นแต่นิดเดียว 10 วัน ฟื้น  ใช้ทุกเม็ด สมุนไพรฤทธิ์เย็น ใกล้ตัว คือใช้พืชผักใกล้บ้านเราไม่ต้องหามาแต่ไกล ในตัวใช้น้ำปัสสาวะ โดยใช้เป็นพื้นหลัก ทั้งกินทั้งดื่ม ปัสสาวะตอนไหนกินตอนนั้น ข้าวกินไม่ได้ไม่เป็นไร เปิดธรรมะหมอเขียวขึ้นมาทบทวน อาจารย์หมอเขียวว่า ถ้าเค้าไม่อยากทาน จะเกิดพลังผลัก เราก็ไม่ต้องให้กินเข้าไปแสดงว่าอาหารมันเกิน เราก็เชื่ออย่างนั้นก็ไม่กิน ทั้ง ๆ ที่เราปลูกฝังตั้งแต่เรียนมาว่า ถ้ากินไม่ได้ จะอ่อนเพลียอ่อนล้า ขาดสารอาหาร เราก็เก็บไว้ก่อน มากินน้ำปัสสาวะ น้ำย่านาง 10 วัน กิน
       แล้วก็ใช้เม็ดที่ 5 กินแล้วก็เช็ดตัว พอกทา หยอด ประคบ อบ อบ เช็ดตัวสมุนไพร หามเข้าไปอาบในห้องน้ำ5 วันแรกหามไม่ได้ เอามือแตะก็ไม่ได้ ปวด ยกอะไรไม่ได้เลยปวด ที่หามเข้าไปได้ตามวีดีโอ คือ วันที่ 10 แล้วจึงเอาเข้าไปอาบน้ำสมุนไพร มีใบเตย ใบหนาด ใบเป้า ต้มแล้วลงไปอาบ ธรรมดาปรกติยายจะแช่มือแช่เท้าทุกวัน แต่ตอนนี้ป่วยหนักทำไม่ได้ก็เลยอาบ เช็ดทั้งปัสสาวะ บางครั้งก็ใช้น้ำมันเขียว น้ำสกัด ส่วนใหญ่ครอบครัวผมจะไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมา น้อยมากที่จะใช้น้ำมันเขียว น้ำสกัด 
       เม็ดที่ 6 นี้ใช้ประจำ กดจุดลมปราณโยคะ เค้าจะติดสูตรหมอเขียวทำทุกวันโดยปกติ ไม่ทำตอนเช้าก็ทำตอนเย็น ทำก่อนนอน ทำทุกวัน
3 ปีกว่าแล้วที่เค้าทำ แช่มือแช่เท้าเค้าก็ทำทุกวัน ทีนี้ป่วยหนักมันก็ยกแขนยกขาไม่ได้ เราก็กดให้ ยกขาให้ไม่ได้เพราะมันปวด เราก็กดจุด จุดมั่ว ๆ ผมใช้คำว่ากดมั่ว ไม่ต้องไปกังวล ยึดมั่นถือมั่น กดไปกดมานั่งเฝ้ากัน ถ้าเราไม่รู้องค์ความรู้หมอเขียว เราก็จะนั่งเฝ้ากัน เฝ้าคนไข้ใกล้ตาย พูดอาลัยอาวรณ์ แต่เรามีองค์ความรู้หมอเขียวเราก็ไม่นั่งจ้อง เราก็กดไป กดไปนวดไป ตรงไหนเจ็บก็ไม่กด เช็ดก็เช็ดแรง ๆ ก็เป็นการกัวซา  เอาผ้ามาเช็ดแรง ๆ ก็เป็นการกัวซา เรียกว่ากัวซาผ้า ถ้าเอาไม้ขูดมันเจ็บน่ะครับ ปวดหลาย อีแม่ว่า ตั้งแต่เกิด เกือบ 80 ปีบ่เคยปวดอย่างนี้ซักเทือ บ่เคยฮู้เคยเห็น ว่าสั้น  ตอนเพิ้นเว้าได้เว้าให้ฟัง ตอนนั้นพูดไม่ได้  พี่น้องก็เตรียมเอาไปรอวันตายแล้ว จะเอามาตายที่อำเภอเขาวง จ.กาฬสินธุ์ ผมอยู่ที่อำเภอเมือง พี่น้องจากเขาวง ก็เหมารถกันลงไป เอาขึ้นมารอวันตายที่บ้าน แต่ผมไม่ให้เอาขึ้นมา เค้าก็ว่ารักษาสูตรไหน ผมก็ว่ารักษาสูตรหมอเขียว เรารู้มาเต็มอกแล้วในชีวิตราชการ เราเกือบสามสิบปีนี้ ไปหาหมอมันไม่หาย คือเราไม่ได้ดูถูกแผนปัจจุบันน่ะครับ เพียงแต่ว่าโรคไตวายคือไม่หาย ไปก็คือฟอกไต ฟอกไปเพื่อรอวันตาย เรารู้แล้วว่า อายุเรา 79 ปีก็เอาเท่านี้แหละ ถ้าจะตายก็ตายสูตรหมอเขียวนี่แหละ เราก็ทำไป เรามั่นใจน่ะครับ ลึก ๆ ผมมั่นใจว่าหายแน่นอน เพราะว่าผมมาได้เรียนรู้องค์ความรู้หมอเขียวนี่ 3 ปี ไม่ได้รู้อย่างลึก ทำแบบธรรมดาไป แต่ว่ามันซึมซับไปเอง ซึมซับ 3 ปี ผมมั่นใจว่าไตวายน่ะหายโดยจิตของเรา แต่เวลาเราทำ เราได้ธรรมะจากอาจารย์หมอเขียวว่า เทคนิคการทำใจให้หายโรค คือ อย่ากลัวตาย อย่ากลัวโรค อย่าเร่งผล อย่ากังวล เราก็เลยไม่ได้ไปเร่งว่ามันจะหายหรือไม่หาย เรามาบ่อยฟังบ่อย คำนี้มันจะติดหูคือจะหายวันไหนก็ได้ ไม่หายไม่เป็นไร ทำอย่างนี้ปับมันจะสบาย ใจเราก็ไม่เป็นทุกข์เหมือนที่อาจารย์สอนเรา เราก็นำมาใช้ ทำไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่ามันหายดีขึ้น ดีขึ้น แต่มีวันหนึ่งประมาณวันที่ 10 กว่า หลังจากวันที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว ข้าวทานได้ประมาณหนึ่ง ปราฏกว่ามันน็อตใหม่ ตอนนั้นจะตายจริง ๆ มัน 4 ทุ่ม พี่สาวก็ปลุกผมขึ้นมา หมอ ๆ แม่จะไม่รอดแล้ว หายใจยิ่งน้อยลง อันดับแรกที่ผมคว้าไปหาคือวิทยุที่ตั้งไว้ ซื้อ handy drive จากที่นี่ไป ทั้งสวดตอนเช้า ทั้งทบทวนธรรม ไปเปิดบทสวดเสียงอาจารย์ขึ้นก่อนแล้วค่อยมาดูแม่ตัวเอง แล้วก็กดจุด ที่แขนอันดับหนึ่ง เยื่อหุ้มหัวใจ หัวใจ ปอดเป็นหลัก กด กด แล้วก็ทำใจบอกว่า หายก็ได้ไม่หายก็ได้ แต่จิตเราจริง ๆ คือ หายแน่นอน
 เพราะเรามาฟังพอสมควรแล้ว ปรากฏว่าสองนาที แม่ฟื้นขึ้นมา ปาฏิหารย์จริง ๆ เมื่อเช้านี้ยังได้ฟังธรรมะอาจารย์เค้าบอกว่า ถ้าเราได้บำเพ็ญบุญมีบารมีต่อกัน มันก็จะขอพึ่งบุญกันได้ ผมเห็นจริงน่ะครับ เราก็ตั้งจิตว่า เราจะใช้ความรู้ของหมอเขียวเต็มที่ ถึงไม่หายก็ไม่เป็นไร จิตเราพูดแบบนี้กดไป  มันก็ฟื้นขึ้นมา สองนาทีเท่านั้นครับ

แล้วก็มีเครสหลายเครสที่พวกทีมงานจิตอาสาแพทย์วิถีธรรม โดยเฉพาะชมรมจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมสำนักงานสาธารณสุข อำเภอเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งนำโดยท่านประธานชมรม ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอเมือง เราเคยช่วยคนที่เป็นลม ช็อก หลายคนแล้วด้วยการกดจุด  ก็เลยว่าทุกเม็ดเลยครับ ผมใช้เม็ดเช็ดเม็ดที่ 5 พอกทาหยอดประคบ อบ อาบ เช็ดด้วยสมุนไพร บางท่านอาจจะกังวลว่าไม่ได้ทำ ซื้อผงถ่านกลับไป  เม็ดที่ 5 นั้นหลายอย่าง พอกก็ได้ พอกผงถ่าน พอกกากย่านาง ถ้าเราไม่มีพอกอย่างผมนี่ป่วยหนัก ทาก็กคือทาน้ำย่านาง ทาน้ำเหยี่ยว  หยอดหูหยอดตา ก็หยอดน้ำสกัด หยอดน้ำปัสสาวะ ตอนแกป่วยหนัก ๆ ก็หยอด ประคบก็ประคบ อบส่วนใหญ่แกก็อบทุกวันที่ผ่านมา ตอนป่วยไม่ได้อบ เม็ดที่ 2 ทำไม่ได้ครับกัวซา มันปวด 10 วันแรกกัวซาไม่ได้ แค่เอาผ้าเช็คแรง ๆ  ดีท็อกซ์ก็ทำไม่ได้เพราะว่านอนแอ้งแม่ง แต่เค้าทำมา 3 ปี นี่ดีท็อกซ์ทุกวัน แม่โกฏิมาที่ค่ายหมอเขียวทำเช้าเย็นทุกวันก็มีมาที่ค่ายหมอเขียวนี่
          เม็ดที่ 4  10 วันแรกแช่ไม่ได้ก็อาบเอาที่ว่าแช่เอาก้นลงไป  เม็ดออกกำลังกาย เม็ดที่ 6 สำคัญ เห็นไหม แกเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้โยคะเองเลย

เข้าตำราหลักการแพทย์วิถีธรรมเราคือ พึ่งตน หมอที่ดีที่สุดในโลกคือตัวเราเอง เราให้ผู้อื่่นช่วยเฉพาะตอนเราเหมือนแม่โกฏิ คือ ลุกไม่ได้ ฟื้นนิดหน่อยแกก็ยกขาขึ้นเองได้ ต่อมาก็เริ่มเดินเร็วเท่าที่เดินได้


ป่วยสิงหาคม พอตุลาคมพาแม่โกฏิมาเข้าค่ายพระไตรปิฏก พาเดินจาริกตามรอยบาทพระศาสดา 18.5 กิโลน่ะครับวันนั้น


เริ่มตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึงเที่ยง ตอนเช้าพอเดินไปไหวอยู่ มันไม่แดด พอ3-4 โมงแดดมา แดดมันมากกว่านี้เดินถอดรองเท้า แกได้ใส่รองเท้าตอนกลับมาประมาณ 15 กิโลถึงขอใส่รองเท้า ไตจาก 5 % 10 วันต่อมาหลังจากทำยา 9 เม็ด  ไตเพิ่มขึ้น 36


ผมพูดได้เต็มปากเลย วงการแพทย์ไม่ขึ้น  ผมถามแพทย์ที่อยู่ห้องไต เค้าว่าไม่ขึ้น 5 ก็ 5 อยู่อย่างนั้นแหละ ที่ฟอกเพื่อให้ไม่ลดไปเหลือ 4 เหลือ 3 ถ้าขึ้นก็ขึ้น 6 ประมาณนี้ ขอเราทำแบบพื้น ๆ นี่แหละศูนย์บาทจริง ๆ น้ำมันเขียวก็ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่ได้เสียตังส์ ก็ใช้แต่น้ำปัสสาวะ กับน้ำย่านางเป็นหลัก ถอนพิษร้อนถอนพิษเย็นอยู่อย่างนั้นก็ทำไป 10 วันขึ้น 36 คืออัตราแรงม้า อยู่ประมาณสเตท 3 ครับ ทุกวันนี้ผมตรวจล่าสุด ประมาณเดือนมกราคม 2559  ได้ 60 แล้วน่ะครับ แล้วคนแก่ขนาดนี้ 80 ปี ได้ค่า 40 ก็บุญแล้ว แต่นี่ได้ 60 ตอนแรก ๆ ที่เค้ามาเรียนรู้หมอเขียวนี่ เป็นเบาหวาน เป็นตับแข็งระยะสุดท้าย รักษาตั้งแต่ปี 49 จนถึงปี 55 เลยมีบุญได้มาเรียนรู้กับหมอเขียวก็เลยรักษาแบบหมอเขียว ทิ้งยาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเลย ตั้งแต่มกราคมปี 56 เพราะว่าเรามาธันวาคมปี 55 แล้วก็ทิ้งยา เบาหวานก็ไม่ได้ฉีด ไม่ได้กิน ตับแข็งก็ไม่ได้กิน   เบาหวานก็หาย ตับแข็งก็หาย แค่ 5 วันเราไปตรวจตับ ค่าตับเป็นปกติ เราตรวจมาจากโรงพยาบาลเกิน 100 ค่าเอ็นไซน์อัตราการทำงานของตับ มันจะมีค่าวัดอยู่ HGOT เค้าไม่ให้เกิน 40 ถ้าเกิน 100 แสดงว่าไม่รอดแล้ว คนก็เหนื่อยด้วย ปรากฏว่าเรามาเข้าค่ายหมอเขียว ตอนนั้นอาจารย์หมอเขียวจัด 7 วันน่ะครับ ปรากฏว่าครบ 7 วันเดินได้สบายกลับบ้าน ไปตรวจตับที่รพ.สต.ที่บ้าน ปรากฏว่าอัตราการทำงานปกติ เบาหวานยังไม่เสถียร

ทุกวันนี้เบาหวาน หาย ยาไม่ได้กินมา 3 ปีเต็ม ยาเคมีไม่ได้กิน กินแต่ยา 9 ข้อ ตอนนั้นไต 40 ถามอาจารย์หมอว่าไต 40 เสื่อมแล้วทำไง อาจารย์หมอก็บอกว่าคนสูงอายุขนาดนี้อยู่ประมาณนี้ก็ไม่มีปัญหา แค่นั้น เราก็ทำใจ ที่จริงแม่ผมพอมาใช้ยา 9 เม็ดจาก 40 เป็น 90 เป็นไตคนปกติมาเป็น 2 ปี ทั้ง ๆ ที่อาจารย์ที่เรียนแผนปัจจุบันมาเค้าบอกว่า
 ถ้า 40 ไม่ขึ้นหรอกเพียงแต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้ต่ำกว่า 40 เราก็แนะนำให้คุมอาหารไปตามประสาแพทย์แผนปัจจุบัน แต่หลังจากที่เรามาเชื่อมั่นแบบนี้ เราก็ทำพิสูจน์ไปด้วยปรากฏว่าไตขึ้นเป็นสเตป ๆ ถึง 90 น่ะครับ 90 แล้วมันมามีวิบากเดือนสิงหาคมปีที่แล้วเนื่องจากว่าข้อประมาทอยู่ในอุปกิเลส 16 แกประมาทเกินไปเลยไปถอนกล้าไปดำนา ช่วงกรกฏาสิงหานั่นแหล่ะครับ ตากแดดทั้งวัน 5 วัน เสร็จแล้วเลยเป็นไข้  แต่เราก็ตั้งจิตว่าจะใช้หมอเขียวอย่างเดียว ผมเลยมีประสบการณ์ที่ทำสูตรหมอเขียวมา 3 ปีกว่านี้นี่ และดูแลแม่ด้วย ผมว่าใช้แพทย์วิถีธรรมอย่างเดียวจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด จะหายเร็วมากสุด ไวมากสุด ถ้าใช้คู่กันกับแผนปัจจุบันกับยานี่ยามันเป็นพิษ ผมเลยมั่นใจว่าใช้อย่างเดียวนี่ดีที่สุด แล้วผมเห็นเครสแต่ละเครสที่มาดูแลกับรพ.สต.ท่าไคร้ ถ้าใครมีความอาจหาญกล้าทิ้งยาได้ จะอาการดีขึ้นเร็วกว่าคนที่ผสมผสานกัน ไม่ได้บอกว่าให้ทุกท่านต้องไปทิ้งยา 

ตอนนี้แม่โกฏิ เบาหวาน ตับแข็งหาย ริดสีดวงทวาร มีเลือดออกในช่องคลอดจนได้ใช้ผ้าอนามัยเป็นตั้งแต่วัยรุ่นเป็นสาว จน หกสิบเจ็บสิบจนเลือดออก มาหายสูตรแพทย์วิถีธรรม 3 ปี มานี่หายเลย เป็นหัวตันรูทวารหนัก แกมาเข้าค่ายแกไปดีท็อกซ์น้ำไม่เข้าเพราะว่าก้อนริดสีดวงมันตัน เข้าไปก็ออกมา แกก็กังวลว่า น้ำมันไม่เข้าอั้นไม่อยู่ 4-5 นาทีจะเป็นอะไร ผมบอกว่าทำไปเลย ทำไปทำมาน้ำก็ค่อย ๆ เข้าไป ทำไปทำมาหัวก็ยุบลง ตอนนี้หัวริดสีดวงหายเลย ริดสีดวงใช้สวนล้างลำไส้ใหญ่ก็ดีหายเลย แกทำดีท็อกซ์ทุกวัน  แล้วก็ไวรัสตับบี ก็หาย ของแม่ผมเป็นเครสที่เจอกับผมเองผมเลยมั่นใจ ก็ฝากไว้ทำเลย ไม่ได้เปก ๆ ก็ไม่เป็นไร


ตัวอย่างจากในยูทูป

ที่ลิงค์
 https://www.youtube.com/playlist?list=PLbzpGbAUyJqlyc3dNOuJSuZiUzeyDlQwG


สนใจติดตามข้อมูลข่าวสารเนื้อหาสาระ
แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด) ได้ที่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น