วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โรคความดัน โรคกระเพาะอาหาร ริดสีดวงทวาร ภูมิแพ้ หอบหืด ไวรัสบี มะเร็งที่ไตและโรคหยุดหายใจเวลาหลับ

แพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด)
แชร์ประสบการณ์ผู้ป่วย โรคความดัน โรคกระเพาะอาหาร ริดสีดวงทวาร ภูมิแพ้ หอบหืด ไวรัสบี มะเร็งที่ไตและโรคหยุดหายใจเวลาหลับ
 

อนุโมทนาบุญกับคุณ อุทิศ บุญฟอง ในการแชร์ประสบการณ์

บันทึกแลกเปลี่ยนประสบการณ์ 20 สิงหาคม 2555

 



คุณอุทิศ : 
        ขอกราบคารวะพระคุณเจ้าและนักบวชทุกฐานะ และท่านอาจารย์หมอเขียวที่เป็นผู้ชี้ทางสว่างให้พวกเรานะครับ เจริญธรรมสำนึกดีมายังท่านผู้ปฏิบัติธรรมและรักสุขภาพทุกท่านนะครับ 
         ผมชื่อนายอุทิศ ฟองบุญ บ้านอยู่แม่ฮ่องสอน อายุ 68 ปี เป็นข้าราชการบำนาญครู ได้ลาออกจากการเป็นครูตั้งแต่ปี 35 ตอนนั้นอายุราชการครบ 25 ปีพอดีสามารถรับบำนาญได้ แล้วก็มาทำธุรกิจส่วนตัวเรื่องเกี่ยวกับที่พักโรงแรม แล้วก็บ้านเช่า ตอนนี้ก็วางมือแล้ว.... 
        ผมมาพบทางออกที่นี่เนื่องจากผมเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ รับเหมาโรคไม่ใช่รับเหมาก่อสร้าง...(หัวเราะ..) ผมนับโรคของผมได้ประมาณ 8 โรค เริ่มต้นจาก ความดัน ถ้าความดันสูง คือระบบหนึ่งเสียมันจะพาลไปทั้งหมดเลย จากความดันสูงก็มาเป็นโรคกระเพาะอาหาร เป็นหนักจนถึงกับเป็นแผลในกระเพาะ จากโรคกระเพาะมาเป็นริดสีดวง คือมันเป็นพร้อมๆกันนะครับ จากริดสีดวงทวารมาภูมิแพ้ ภูมิแพ้แล้วหอบหืด หอบหืดแล้วก็โรคที่ผมทรมานมากๆก็คือ .. หลายท่านอาจจะยังไม่รู้จัก...เป็นโรคหยุดหายใจเวลานอนหลับที่หลายๆท่านคงจะ เคยได้ยินที่ว่า ไหลตายเนี่ยผมก็สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดมาจากอาการนี้ คนที่เป็นหัวใจวาย อะไรเอย หรือลาจากโลกนี้ไปโดยที่ยังไม่ได้สั่งลาเนี่ยเป็นมาจากตัวนี้ละครับ แล้วคนก็เป็นกันเยอะ เท่าที่ผมไปสัมผัสมาเนี่ย...
        ผมอยู่แม่ฮ่องสอนจะมารักษาตัวที่เชียงใหม่ ตอนที่ไปครั้งแรกเนี่ยไปเจอพวกตุลาการ ศาลปกครอง พวกผู้จัดการธนาคาร พวกใหญ่ๆโตๆ ส่วนมากคือไม่ได้ออกกำลังกาย ก็รวมทั้งผู้ผมด้วย... นอกจากหยุดหายใจเวลาหลับแล้วยังเป็นมะเร็งที่ไต แล้วไวรัสที่ตับเป็นไวรัสบีนะครับ ปรากฏว่าเรื่องหวัดเรื่องไอกรนอะไรนั่นติดพ่วงมาด้วย นับแล้วเป็นสิบ หมายความว่าทุกโรคดีกว่า ความจริงนี่ป่วยกระเสาะกระแสะมานานแสนนานตั้งแต่เป็นหนุ่มๆแต่ไม่รู้ตัว 
         แล้วโรคที่ทรมานมาก คือ โรคที่หยุดหายใจเวลานอนหลับ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Sleep Apneaนะครับ ทีนี้พอเป็นโรคนี้ขึ้นมามันจะพาลไปหมดเลย ความดัน เบาหวาน หัวใจ โรคเก๊าท์ ไตวาย สารพัด ... รูมาตอยด์ พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ มากันเป็นพรวนเลยนะครับจากโรค ๆ เดียวเนี่ย เพราะอันตรายมาก 
         เรื่องนี้ผมต้องขยายความนิดนึงเฉพาะโรคนี้นะครับเพราะคนเป็นไม่มีโอกาสได้ รู้เพราะว่าเรานอนหลับ หลับแล้วจะกรนดังกรนค่อยเราไม่มีสิทธิ์รู้เลย ทีนี้คนข้างเคียงเราเค้าไม่มีความรู้ก็โอ๊ย..ใครๆเค้าก็กรน เพราะฉะนั้นกลับไปบ้านหรือสำรวจตัวเอง ถ้าหากเป็นความดัน เบาหวาน เป็นโรคเก๊าท์ หรือโรคอะไรก็ตามลองเช็คดูถามคนข้างเคียงว่าเวลาเรานอนเรากรนไหม กรนมี 2 อย่างนะครับ กรนดังสม่ำเสมออันนี้ไม่อันตราย แต่กรนแล้วหยุดหายใจแสดงว่าอันตราย อันตรายถึงตายนะครับตายอย่างไม่รู้ตัว แต่ถ้ามันตายง่าย ๆ ก็ดี ก็คือ มันจะทรมาน 
          ผมรักษาโรคนี้มาตั้งแต่ปี...อ้า ตอนนี้ผมอายุ 68 ผมมารู้ว่าเป็นก็ตอนที่ครบเกษียณ เพื่อนๆเขาครบเกษียณกันก็พากันไปลงเรือเป็นเรือสำราญที่เขื่อนภูมิพล มันเป็นช่วงเดือนตุลาถ้าผมจำไม่ผิดเพราะอากาศมันเริ่มหนาวเย็น เขาก็พาเรือออกไปอยู่กลางเขื่อนภูมิพล อากาศเย็นผมสู้อากาศเย็นไม่ได้ ถูกอากาศเย็นทีไรเป็นครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้ทันที เพื่อนๆผมไปกันเต็มมันจะเป็นห้องโล่ง ๆ แล้วก็นอนรวมกัน ทีนี้พวกเพื่อนๆเขาก็สนุกสนานกันเต็มที่ เต้นรำร้องเพลงคาราโอเกะกันอะไรสารพัดสารเพดื่มกินกันเต็มที่ พอซักไม่ถึง 2 ทุ่มผมก็ขอนอนแล้ว เพราะไข้ขึ้นแล้วตอนนั้นถูกอากาศเย็นเป็นหวัดเป็นอะไรขึ้นมา พอเป็นไข้ขึ้นมาก็ขอนอนก่อนพรรคพวกก็ไม่ยอม ก็บอกว่าโอ้โหไม่ไหวจริงๆขอนอนเถอะเขาก็โอเคกัน ผมก็นอนตรงกลางนอนไปไม่รู้เรื่องเลยละเพราะเป็นไข้นอนทั้งคืน 
          ตื่นเช้ามาเจอกันในห้องอาหารคนนั้นคนนี้ก็บอกคุณกรนเสียงดังนะพวกโรงสีมาจาก แม่ฮ่องสอน...เป็นเจ้าของโรงสี เพื่อนๆเป็นสิบต่อว่า ผมก็เลยจำ ตอนนั้นยังไม่รู้สึกตัวว่ามันอันตราย แต่ว่าบุญผมยังมี จากนั้นมาเป็นปีไอ้ความจำที่โดนเพื่อนๆต่อว่า พอจำแล้วมีอยู่วันหนึ่งผมเปิดทีวีเจอรายการบอกว่า กรนดังมีสิทธิ์ตายง่าย ตายได้ ผมก็ฟังตั้งใจฟังเพราะมันตรงกับอาการที่ผมเป็นอยู่ ฟังเสร็จจึงรู้ว่าจะรู้ได้ (ว่าอันตรายไหม) ต้องไปเข้าเครื่อง Sleep Test เครื่องแบบนี้โรงพยาบาลเล็กแบบแม่ฮ่องสอนไม่มีนะครับหรือมีก็เป็นเครื่อง เล็กๆไม่มีมาตรฐาน ก็ต้องเข้าเชียงใหม่ ไปเทสต์ที่เชียงใหม่ปรากฏว่าผลออกมา... คือการที่ต้องนอนทั้งคืนนะครับนอนอยู่ห้องหนึ่งแล้วพยาบาลควบคุมมีสายระโยง ระยางบนศีรษะจำได้ว่ามี 13 จุด เป็นตัวดูดจิ้มตามบริเวณศีระษะแล้วก็ตรงบริเวณชีพจร เส้นเลือดใหญ่ต่างๆทั้งหมด 13 จุด แล้วนอนทั้งคืนรุ่งขึ้นจะออกมาเป็นกราฟ แล้วเขาใส่เครื่องวัดลมหายใจที่จมูกด้วยเหมือนใส่ออกซิเจน รัดสายที่หน้าท้องรัดสายที่หน้าอกเพื่อดูการกระเพื่อมของการหายใจ สรุปแล้วจะออกมาเป็นกราฟ เส้นกราฟมีสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีน้ำเงิน สีส้ม สีแสดอะไรสารพัดบอกหมดเลยว่าในคืนหนึ่งเป็นอย่างไร สรุปแล้วก็คือว่า เราหยุดหายใจไปกี่ครั้งๆละนานเท่าไร แล้วที่นิ้วชี้เขาก็ติดตัววัดปริมาณออกซิเจนไว้ด้วย ปรากฏว่าผมหยุดหายใจเกือบ 30 ครั้งต่อ 1 ชั่วโมง มัน 29 จุดเท่าไรก็ไม่รู้ละตีว่าเป็น 30 , 1 ชั่วโมงมี 60 นาทีใช่ไหมฮะ ก็คือได้หลับ 1 นาทีก็ต้องตื่น 1 นาที เหมือนคนดำน้ำผลุบๆโผล่ๆนั่นแหละครับ อาการของโรคนี้ถ้าเราจะเช็คด้วยตัวเองนะครับผมแนะนำว่ามันจะมีอาการ 1.นอนไม่หลับ 2.แสบตาเวลาตื่นนอนมาตอนเช้า 3.หนักท้ายทอย 4.ไม่สดชื่น ... มันจะรู้สึกว่าโลกนี้มันไม่น่าอยู่ละ ถ้าเป็นหนัก ๆ จะหายใจไม่ออกหรือหยุด แต่เราไม่มีทางรู้เพราะมันตื่นในหลับ หมอก็อธิบายถึงสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ว่า เวลาเราหลับลิ้นเราตกไปปิดทางเดินของลมหายใจไปกดทับหลอดลม เขาบอกมาแบบนั้น แล้ววิธีแก้ไขก็ คือ ให้ใช้เครื่องช่วยหายใจเป่าลมเข้าไปในลำคอเพื่อยกลิ้นขึ้นมามันจะแสนทรมาน เครื่องนี้ พอจะนอนแล้วครอบ ครอบแล้วกดสวิชท์เครื่องจะทำงานโดยอัตโนมัติ เครื่องราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนนะครับเครื่องนี้ ผมก็ซื้อมาประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท ปรากฏว่าใช้แล้วมันทรมาน คอเนี่ยแห้งหมด อีกประการหนึ่งที่ใช้ไม่ได้เพราะที่แม่ฮ่องสอนไฟแรงสูงยังไม่ถึงและเป็น เมืองท่องเที่ยวใช้ไฟมาก ในเวลาหน้าหนาวซึ่งคนไปเที่ยวกันมากไฟจะติดๆดับๆตลอดเวลาเพราะฉะนั้นเครื่อง นี้ก็ไร้ประโยชน์
พิธีกร : 

        ขออนุญาตถามค่ะว่าก่อนที่จะมาเข้าค่ายเนี่ยได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แผนปัจจุบันว่าเป็นอะไรกันแน่คะ
คุณอุทิศ : 

        ก็คือ หยุดหายใจในระหว่างนอนหลับและใช้เครื่องแล้วไม่ได้ผล ต่อมาเขาก็แนะให้ไปจี้ลิ้นบอกว่าโคนลิ้นหนา ผมก็ไปจี้ลิ้น...โอ้ย..เจ็บมากเลย 2 ครั้ง จี้เพดานปาก 2 ครั้ง จี้จมูก 3 ครั้ง เลือดออกมาก ปวดมาก เจ็บ
พิธีกร :  แล้วอยู่โรงพยาบาลนี่นานแค่ไหนคะ
คุณอุทิศ :

        โอ้..ผมรักษามาต่อเนื่องประมาณ 5 ปี นอกจากจะเสียเงินแล้วยังเจ็บตัวเปล่า มีอยู่ครั้งหนึ่งจำได้ว่าเขาวางยาสลบแล้วเอาเครื่องมือไปจี้อยู่ในลำคอ ฟื้นขึ้นมาหายใจแทบไม่ทันเหมือนเอาปลาไปโยนบกน่ะ หายใจเฮือกๆๆๆ พยาบาลเค้าก็สูบเสลดเป่าลมอยู่นั่นก็แทบจะไม่ฟื้น ทรมานมากเลย เวลาเป็นมากๆอากาศเย็นจัดๆเนี่ย สักตีสองเป็นตะคริวเลยครับ หลับนอนไม่ได้ทรมานมากๆ
 

พิธีกร : แล้วได้เจอแพทย์วิถีธรรมของคุณหมอเขียวนี่ได้อย่างไรคะ
 

คุณอุทิศ :
           ผมได้ดูรายการที่มีผู้หญิง 2 คนซึ่งผ่านการเข้าค่ายสุขภาพฯ คนหนึ่งเป็นโรค SLE อีกคนเป็นโรคความดันโลหิตสูง 200 กว่า กินไม่ได้นอนไม่หลับ คนที่เป็น SLE เนี่ยบอกว่ายังไงๆหมอก็บอกว่าไม่รอด เค้าก็ร้องห่มร้องไห้ไม่เป็นอันกินอันนอนละ ก็ปรากฏว่ามีคนชวนมา (เข้าค่ายสุขภาพแพทย์วิถีธรรม) มาแล้วปรากฏว่าใน 7 วันเนี่ยได้รู้วิธีการต่างๆแล้วไปรักษาต่อเนื่อง ปรากฏว่าทั้ง 2 คนนี้หาย ทันทีที่ผมรู้อย่างนี้ผมก็ติดต่อทันทีสมัครทันทีเลย แล้วก็มา
 

พิธีกร : เข้าค่ายที่ดอนตาล ใช่ไหมคะ
 

คุณอุทิศ : 
      ดอนตาล ที่นี่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 จากนั้นก็ไปปฏิบัติต่อ ปรากฏว่าโรคทั้งหลายทั้งปวงที่ทรมานมันหมดไป
 

พิธีกร : หลังจากเข้าค่ายแล้วไปปฏิบัติตัวที่บ้านอย่างไรบ้างคะ
 

คุณอุทิศ : 
        ก็ปฏิบัติตัวแบบในค่ายต่อเนื่อง เช่น กินน้ำคลอโรฟิลด์ ทำกัวซา แช่มือแช่เท้า แต่พอกทานี่ไม่ค่อยได้ทำ
 

พิธีกร : อันนี้ทำเองหรือมีผู้ช่วยคะ
 

คุณอุทิศ : 
         ทำเองและมีผู้ช่วย แล้วทีนี้ทำแล้วปรากฏว่าดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ผมก็มาตรวจพอดีมีที่ปรึกษาเป็นจิตอาสาเป็นรุ่นพี่ที่เป็นพยาบาลอยู่ภูมิ พล บังเอิญเขาเป็นโรคอย่างผมด้วยเขาก็ให้กำลังใจว่าเป็นโรคเดียวกัน เพราะฉะนั้นเดินมาถูกทางแล้วผมก็มีกำลังใจขึ้น เขาก็แนะนำให้ทำไปและคอยตรวจดู 9 เม็ดเนี่ยอย่าให้ขาดเม็ดใดเม็ดหนึ่ง ปรากฏว่าของผมเนี่ยผมทำรีสอร์ทอยู่มีลูกน้องทำโน่นทำนี่ วันๆผมไม่ได้ทำอะไรเอาแต่นอน นอนดูข่าวโดยเอาที่นอนที่มันเหลือที่รีเสริฟไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเวลามา กันมากๆ ที่นอนสูง 8 นิ้วเอามาซ้อนกันพอดีเป็นเตียงเลย ก็ดูข่าวเอาหมอนมาหนุน ทำอย่างนั้นเป็นประจำจนเป็นอาจินต์ นอนกินแล้วก็นอน 
          ปรากฏว่าผมทำตามไอ้ 9 เม็ดนี่แต่ขาดไปเม็ดเดียว คือ การออกกำลังกาย พอมาออกกำลังกายปรากฏว่าดีวันดีคืน มือมีสีเลือด หลับดีขึ้นและตะคริวที่เคยเป็นก็หาย ผมมาครั้งแรกเนี่ยริมฝีปากแห้งและแตกเป็นขุยแสดงว่าความร้อนในร่างกายมีมาก 
          ปกติผมไม่ใช่คนดื่มเหล้าดื่มเบียร์นานๆจะดื่มที แต่ที่ผมเป็นอย่างนี้เพราะผมชอบของหวาน จะชอบดื่มนมชอบน้ำตาล ชอบดื่มโอวัลตินแต่ไม่ดื่มกาแฟเพราะมันไปบีบหัวใจ พอดื่มโอวัลติน ไมโล อะไรพวกนี้ จริงๆแล้วผมเป็นคนรักษาสุขภาพนะแต่มันไม่ดีขึ้นสักทีเพราะใส่น้ำตาลเยอะเกิน ไป ของหวานเนี่ยมันไปแปรเปลี่ยนเป็นความร้อน แล้วก็ทานข้าว ข้าวก็ไปเปลี่ยนเป็นน้ำตาล น้ำตาลนี่ให้ความร้อนสูงมาก.... 
          ผมไม่รู้เรื่องเลยเรื่องความร้อนความเย็น(น่าจะหมายถึงฤทธิ์ร้อนฤทธิ์เย็น) เนี่ย...พอมาเจอที่นี่ทุกอย่างมันดีขึ้นๆ มาบวกกับการออกกำลังกายซึ่งผมเริ่มมาได้ประมาณ 2 เดือนทุกอย่างดีขึ้นหมดเลย มะเร็งที่ไตตอนนี้ผลออกมาว่าฝ่อลง เดิมทีกว้าง 6 ซ.ม ยาว 6.8. หนา 5.3 ซ.ม. นี่ผมมาเทียบดูเท่ากับบุหรี่ 2 ซองน่ะ ความหนาเท่าบุหรี่ 2 ซอง เนื้อที่ประมาณเท่าฝ่ามือน่ะโปะอยู่ที่ข้างไต
 

พิธีกร : แล้วตอนนี้เป็นเท่าไรคะ
 

คุณอุทิศ : ตอนนี้บวกลบคูณหารแล้วลดลงไป 33.72 ลูกบาศก์ ซ.ม. คือลดไปเลย
 

พิธีกร : อาการตอนนี้ก็แข็งแรงดีใช่ไหมคะ
 

คุณอุทิศ : แข็งแรงดี
 

พิธีกร : แล้วน้ำปัสสาวะดื่มบ้างไหมคะ
 

คุณอุทิศ : 
       ดื่ม ดื่มทุกวัน แล้วก็ใช้แก้หวัด คัดจมูก ด้วย โดยเอาไซลิงค์ดูดน้ำปัสสาวะแล้วฉีดเข้าจมูกข้างขวาโดยเอาอีกมืออุดข้างซ้าย ไว้แล้วฉีดเข้าไปจนหมดกระบอกแล้วเงยหน้าปิดจมูกทั้ง 2 รู คลึงจมูกทั้ง 2 ข้าง คลึงจนสะอาด ทีแรกผมคัดจมูก ถ้านอนหงายนี่ทั้ง 2 รูเลยหายใจไม่ออกต้องนอนตะแคง ถ้าตะแคงขวาข้างล่างนี่ (ผู้พูดจับปลายรูจมูก) มันตันหายใจไม่ออก หายใจออกข้างเดียว (ข้างซ้าย) ข้างเดียวนี่ก็ยังออกไม่เต็มสูบ กว่าจะพลิกมาทางซ้ายกว่ามันจะไหลมาทางซ้าย...โอ้ย..มันทรมานครับทรมานมาก หายใจไม่ออก ทีนี้พอทำอย่างนี้ (สวนจมูกด้วยน้ำปัสสาวะ..ใส่ไซริงค์) ....ทีแรกไปโรงพยาบาล ทางหมอเขาจะให้น้ำเกลือใส่ลูกยางบีบๆเขาก็บอกวิธีทำ ก็ทำแล้วปรากฏว่าไม่ดี ไม่ดีเพราะอะไร ..มันจะแสบร้อนและทำให้จมูกแห้งนานๆไปมันจะอักเสบหรืออย่างไรไม่รู้ มีน้ำมูกเกรอะเลยต้องแคะออก...เจ็บ ทีนี้พอมาเข้าค่ายแล้วหันมาใช้น้ำปัสสาวะใส่ไซริงค์สวนจมูกนี่เพราะผมซื้อ หนังสืออ่านเรื่องฉี่อ่านแล้วรู้ว่าฉี่เป็นยารักษาโรค
 

พิธีกร : ที่ใส่ไซริงค์นี่น้ำปัสสาวะอย่างเดียวหรือคะ
 

คุณอุทิศ : 
           น้ำปัสสาวะอย่างเดียวไม่ต้องผสมอะไร แล้วปรากฏว่าพอเราปฏิบัติตัวอย่างนี้น้ำปัสสาวะจะใสนะครับ ของผมเนี่ยใสจนไม่มีฟองไม่มีกลิ่น ใส่ไซริงค์เข้าไปเลยทีละข้างนะครับ คลึงๆแล้วสั่งออกมาเลยทีละข้างแรงๆบางทีมันดังเปี๊ยะออกมาเลยทางหู
 

พิธีกร : ทีนี้อยากจะถามว่า ระหว่างที่เรารักษาตัวแบบแผนปัจจุบันหมดค่าใช้จ่ายไปเท่าไรคะ
คุณอุทิศ : 

    4-5 ปี ผมไปโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ ดังๆนี่ไปมาหมดแล้วปรากฏไม่ได้ผล ก็เข้าโรงพยาบาลชื่อดังในกรุงเทพฯ  6 โรงพยาบาลปรากฏว่าเจ็บตัวฟรี ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เสียทั้งเงินยังไม่พอเสียเวลาและเสียท่า..ไม่ดี เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นนะครับไม่ต้องไปรักษาทางโน้นเลย หันมาใช้วิธีอย่างนี้ละฮะ เพราะมันเกิดจากผมไปอ่านพอพลิกอ่านโดยพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว ไม่ว่าจะโรค ความดัน เบาหวาน หัวใจ ไตวาย อ้า..โรคเก๊าท์ รูมาตอยด์ ไทรอยด์พวกนี้น่ะมาจากภาวะร้อนทั้งนั้นเลย ตอนนั้นไม่รู้ว่าฤทธิ์ร้อนฤทธิ์เย็นอะไรใครว่าดีเราก็ไป ตอนนี้พอมาปรับจนได้สมดุลแล้วความดันผมนี่พิชิตได้เลยสบาย
 

พิธีกร : ตอนนี้เลิกยาหรือยังคะ หรือยังทานอยู่
 

คุณอุทิศ : มันจะเป็นบุญของผมก็ไม่รู้สินะที่จะได้ทิ้งยา ผมไปรับยาครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ค่ายาหมดไปหมื่นกับหกร้อยกว่าบาท แพ็คใส่ถุงไว้อย่างดี แต่พอเวลาเดินทางลืมเอาใส่กระเป๋าเดินทาง มาถึงคืนแรกพอนอนนะกระวนกระวายหายาไม่เจอ โทรสั่งขอรถเขาไปหาซื้อที่ดอนตาลไม่มี ไปที่มุกดาหารจ้างเขาไปก็ไม่มี ผลสุดท้ายเขาก็แนะนำว่าต้องไปพบแพทย์เฉพาะทาง ผมมาอยู่ในนี้ (ในค่ายสุขภาพฯ) ผมก็เลยว่าไม่เป็นไร
 


พิธีกร : แล้วมาที่นี่มาค่ายคุณหมอเขียว มีค่าใช้จ่ายอะไร จ่ายอะไรไปบ้าง
 

คุณอุทิศ : ศูนย์บาทรักษาทุกโรค... ก็มีแค่ค่ารถค่าแท็กซี่ที่เดินทางมาแค่นั้นเอง แล้วผมมาเนี่ยเป็นครั้งที่ 3
 

พิธีกร : แล้วค่ายที่ดอนตาลนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วนะคะ ... เนื่องจากเวลาเรามีน้อยนะคะถ้าท่านใดสนใจก็คุยหลังไมค์ได้กับคุณอุทิศนะคะ
 

คุณอุทิศ : 
          ผมขอแทรกนิดนึง เรื่องสำคัญคือ ไวรัสบี นี่หายไปจากร่างกายเลยนะครับ ผมเป็นจนกระทั่งเป็นพาหะ ปรากฏว่ามันน่าอัศจรรย์มากนะครับโรคหายไปจากร่างกายแล้วมีภูมิต้านทานมหาศาล เกินกว่าที่เขากำหนดไว้ คือในค่าปกติของเขาที่กำหนดไว้ 0-9.99 คือ ลิมิตของเขา ปรากฏว่าของผม 63.33 ครับ ผมก็ตกใจว่ามันมากเกินไป ก็ไปถามลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นพยาบาลที่แม่สอด เค้าบอกโอ้โหอาจารย์หนูนี่อิจฉาอาจารย์เหลือเกิน พวกหนูนี่คลุกคลีกับคนไข้ต้องไปกระตุ้นซึ่งบางทีก็ไม่ขึ้น แต่ของอาจารย์นี่มหาศาล... ความที่เป็นครูของเขาทำให้ไม่ค่อยเชื่อผมเลยเดินทางเข้าเชียงใหม่ไปหาผู้ เชี่ยวชาญด้านนี้ แล้วก็ไปถามเขาว่าตัวนี้มันเออเร่อไหม พิมพ์ผิดไหม มัน 63.33 มันเกินไปมาก เค้าบอกพิมพ์กับมือไม่ผิดแน่ แล้วเค้าบอกว่าคุณลุงถ้าเปรียบเหมือนเศรษฐีนี่ก็เป็นมหาเศรษฐีนะไม่ใช่ เศรษฐีธรรมดา... เขาว่างั้นนะ มีมากเท่าไรยิ่งดี เค้าก็สรุปให้ฟังง่ายๆว่า ตลอดชาตินี้คุณลุงจะไม่เป็นโรคนี้อีกตลอดไป
พิธีกร : ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ แล้วตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหมคะ
 

คุณอุทิศ : ครับ ตอนนี้เดินตัวปลิวคล่องเลยครับ หลับก็ได้ดีขึ้น แต่ว่ามันก็ยังต้อง... คือ อย่าไปเร่งผล อย่ากังวล อย่ากลัวโรค อย่ากลัวตาย มะเร็งเนี่ยผมไม่ให้ค่าความสำคัญมันแม้แต่นิดเดียว ผมคิดว่าผม
 ต้องพิชิตมันได้ครับ ไม่หายตอนเป็นก็ตอนตายก็ได้ ..(.หัวเราะ..)
 

พิธีกร : ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

คลิ๊กฟังเนื้อหาได้ที่เวป 
http://www.youtube.com/watch?v=WXR1SHGgKnA&list=PLbzpGbAUyJqksRyDRtBN--bU_19qzKFkd&index=20
ถอดเทป 120820209 
                 
                  สนใจติดตามข้อมูลข่าวสารเนื้อหาสาระแพทย์วิถีธรรม (ยา ๙ เม็ด) ได้ที่


1 ความคิดเห็น: